Devil Smiley Devil Smiley
Web Blog การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ประกอบการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ (สาระเพิ่ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ส 22102 และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส 23102 ครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา ในการฝึกทักษะเรียนรู้พื้นฐาน การจัดการความรู้ ทักษะภาษาดิจิตอล ทักษะการรู้คิดประดิษฐ์สร้าง ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การสื่อสารที่มีประสิทธิผล ทักษะการสืบค้น ฯลฯ เพื่อพัฒนาไปสู่ทักษะความรู้ที่มุ่งหวังของหลักสูตร โรงเรียนมาตรฐานสากล 6 ประการ ประกอบด้วย (1) ทักษะการเรียนรู้ Learning Skills (2) ทักษะการคิด Thinking Skills (3) ทักษะการแก้ปัญหา Problerm Skills (4) ทักษะชีวิต Life Skills (5) ทักษะการใช้เทคโนโลยี Technology Skills (6) ทักษะการสื่อสาร Communication Skills ทฤษฎีระบบการเรียน KM (Knowlead Maneagement) โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม ประกอบการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ คุณครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา(Word Class Standard)

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

นางขุชชุตตรา อุบาสิกา

นางขุชชุตตรา  อุบาสิกา

        นางขุชชุตตราเป็นหญิงสาวพิการหลังค่อมและเป็นทาสี (หญิงรับใช้) ของนางสามาวดี  เมื่อนางสามาวดีได้รับการอภิเษก เป็นพระมเหสีของพระพุทธเจ้าอุเทนแล้ว  
        พระเจ้าอุเทนได้พระราชทานเงินวันละ 8 กหาปณะให้แก่นางเพื่อจัดซื้อดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวก  
        นางสามาวดีได้มอบหน้าที่ในการไปรับเงินและซื้อดอกไม้ให้แก่นางขุชชุตตราเป็นผู้รับผิดชอบ 
        นางขุชชุตตรา เป็นหญิงที่อาภัพแต่เพียงร่างกาย แต่สติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าคนอื่นๆ อีกมากมาย   
        เมื่อนางได้รับมอบหมายจากนางสามาวดีให้เป็นผู้ไปรับเงินจากพระคลังวันละ 
๘ กหาปณะ  แทนที่นางจะเอาเงินไปซื้อดอกไม้ทั้งหมด 
        แต่เอาไปซื้อเพียงครึ่งเดียว   ส่วนครึ่งหนึ่งนางเบียดบังเอาไปเป็นของตน   ถ้าใช้ภาษาในปัจจุบันก็คือทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่นั่นเอง 

        วันหนึ่งนายสุมนมาลาการ (ช่างทำพวงมาลัยชื่อสุมน) มีความประสงค์จะถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 
        และปกติพระสงฆ์สาวกจะไปรับบิณฑบาต ที่บ้านโฆสกเศรษฐีกุกกุฏเศรษฐี และปาวาริกเศรษฐี แห่งละ 500 รูป 
        จนกระทั่งไม่มีพระภิกษุเหลือพอที่จะไปรับบิณฑบาตที่อื่น   ดังนั้นผู้ประสงค์จะบำเพ็ญกุศล นิมนต์พระสงฆ์ไปรับภัตตาหารที่บ้าน 
        จะต้องพูดตกลงของแบ่งพระสงฆ์จากเศรษฐีทั้ง 3 เสียก่อน   นายสุมนมาลาการก็ต้องไปขอโอกาส จากเศรษฐีก่อน
        โดยกล่าวว่า“ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ทำพวงมาลัยให้ท่านบูชาพระตลอดมา   บัดนี้ข้าพเจ้าประสงค์จะนิมนต์พระศาสดา พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์มารับบิณฑบาตที่บ้านบ้าง ขอท่านจงให้พระศาสดาแก่ข้าพเจ้าสักวันเถอะ”  
        เศรษฐีทั้ง 3 ให้โอกาสแก่นายมาลาการด้วยความเต็มใจ   นายสุมนมาลาการจึงไปเฝ้าพระศาสดา และทูลขอนิมนต์ให้เสร็จไปเสวยภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น
        นางขุชชุตตราได้ไปรับพวงมาลัย  ที่ร้านดอกไม้ของนายสุมนมาลาการเหมือน ทุกๆ วัน  
        แต่วันนี้นายสุมนมาลาการ ได้ขอร้องให้เธออยู่ช่วยจัดแจงเตรียมของถวายพระเสียก่อนค่อยกลับ 
        นางรับคำเชิญพอเจ้าภาพถวายภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  พระพุทธเจ้าแสดงธรรม  นางขุชชุตตราตั้งใจฟัง 
        มองเห็นโทษแห่งการทุจริตต่อหน้าที่ด้วยปัญญาอันแจ่มชัด  วันนั้นเธอจึงซื้อดอกไม้(พวงมาลัย) ครบทั้ง 8 กหาปณะ  
        ทำให้ได้ดอกไม้มากกว่าทุกวันถึงเท่าตัว 

        พอนางสามาวดีเห็นดอกไม้ก็แปลกใจ  จึงถามนางขุชชุตตราว่า  “แม่คุณ พระราชาพระราชทานเงินค่าดอกไม้ให้แก่เราเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่าหรือ
        ”นางขุชชุตตราตอบว่า “มิใช่หรอก  พระแม่เจ้า” 
        นางสามาวดี “ถ้าไม่ใช่  ทำไมวันนี้จึงมีดอกไม้มากกว่าทุกวัน”
        นางขุชชุตรา “ในวันอื่นๆที่ผ่านมาหม่อมฉันทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังเอาเงิน 4 กหาปณะเท่านั้น
        นางสามาวดี “เพราะเหตุใด  วันนี้เธอจึงไม่ทำทุจริตต่อไปเล่า?”
        นางขุชชุตตรา  “เพราะหม่อมฉันฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้วได้บรรลุธรรม จึงมองเห็นโทษที่ไม่ซื่อสัตย์   การกระทำนั้นถึงคนอื่นไม่รูไม่เห็น แต่ตัวเราย่อมรู้และเห็นเสมอ”
        นางสามาวดีแทนที่จะโกรธ  ดุด่าว่ากล่าวเธอหรือไล่เธอออกไปอยู่ที่อื่น  หรือปลดเธอออกจากหน้าที่นั่นไปทำหน้าที่อื่น ในฐานะที่เธอมีความผิดทุจริตต่อหน้าที่  กลับกล่าวว่า 
        “นี่แม่คุณ   เจ้าจงทำให้พวกเราได้ดื่มอมตรส (รสพระธรรม) ที่เธอได้ดื่มแล้วนั้น”   
        นางขุชชุตตราได้ฟังเท่านั้นก็กล่าวตอบว่า 
        “ขอพระแม่เจ้าได้โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันได้อาบน้ำชำระร่างกายก่อนเถิด”         
        นางสามาวดีสั่งให้จัดน้ำหอม 16 หม้อให้เธออาบ ให้มอบผ้าสาฎก (ผ้าห่มหรือผ้าคลุม)   เนื้อดีอีก 2 ผืน   
        นางขุชชุตตราใช้นุ่งผืนหนึ่ง ใช้เป็นอาสนะ (ที่นั่ง)  อีกผืนหนึ่ง  นางนั่งลงบนอาสนะนั้น แล้วเรียกหญิงบริวารของนางสามาวดีทั้งหมด ประมาณ 500 คน
        มานั่งฟังนางขุชชุตตราแสดงธรรม  ซึ่งเธอแสดงได้อรรถรสทำนองเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันนั้น   
        หญิงเหล่านั้นฟังธรรมเทศนาของเธอแล้วบรรลุโสดาปัตติผล  หญิงเหล่านั้นกราบเธอ  แล้วกล่าวว่า 
        “แม่คุณ  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  แม่ท่านไม่ต้องทำงานต่ำแบบงานคนใช้อีกต่อไป   ขอให้ท่านจงอยู่ในฐานะมารดาและอาจารย์ของพวกเรา  ให้ท่านไปสู่สำนักของพระบรมศาสดาฟังธรรมของพระองค์แล้วนำกลับมาแสดงธรรมแก่พวกเราเถิด”   
        ซึ่งนางก็สามารถทำได้ดีและได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าเป็นธรรมกถิกา (นักแสดงธรรมหญิง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น